สัดส่วนของใบหน้าแบบ Golden Ratio หรือที่เรียกว่าสัดส่วนใบหน้าทองคำ เป็นสัดส่วนที่ส่วนประกอบบนใบหน้ามีขนาดที่สมดุลกัน โดยมีความสัมพันธ์กันทั้งตา จมูก และคาง เป็นมิติที่สวยงาม ดังนั้นแม้ตา และจมูกจะได้สัดส่วนสวยงาม แต่หากมีคางหุบเข้าไปด้านหลัง คางสั้น คางถอยไม่เข้ารูปก็ส่งผลให้ใบหน้าดูสั้นกลมไม่ได้สัดส่วนอยู่ดีการมีคางที่สมส่วนได้รูปหน้าแบบ Golden Ration จะช่วยเพิ่มมิติและเสน่ห์ให้กับใบหน้าในทุกมุม โดยมีรูปทรงปลายคางยาวมนรับกับองศาของปลายจมูกและหน้าผาก หากใครที่กำลังอยากแก้ปัญหาคางสั้น คางตัด คางถอย ให้ใบหน้าเรียวสวย เป็นทรงวีเชฟยิ่งขึ้น และกำลังลังเลว่าฉีดคางกับเสริมคางอันไหนดีกว่ากัน? บทความนี้มีคำตอบ
ฉีดคาง คืออะไร?
การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด เข้าไปบริเวณคาง เพื่อเสริมคางและปรับรูปหน้าให้สมมาตร หรือหน้าเรียววีเชฟมากขึ้น ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์คางจะเห็นได้ทันทีหลังฉีด และไม่มีอาการบวมช้ำเหมือนการผ่าตัด และให้รูปทรงคางที่ดูธรรมชาติ ละมุนกว่า นอกจากนี้เนื้อฟิลเลอร์จะสลายไปเองตามธรรมชาติ หากทรงไม่ถูกใจ สามารถฉีดยาสลายได้ ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์คางกับคลินิกที่ได้มาตรฐานและเป็นฟิลเลอร์แท้เท่านั้น
ข้อดีของการฉีดคาง
- ฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติที่ 12-18 เดือนขึ้นกับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่คนไข้เลือกใช้ จึงไม่ตกค้างในร่างกาย มีความปลอดภัย
- ช่วยปรับรูปคางให้สวยอย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากสามารถปั้นทรงได้หลากหลายกว่า
- เห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำเสร็จ ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที
- หากไม่ชอบผลลัพธ์รูปแบบทรงที่ได้ สามารถฉีดยาสลายเพื่อแก้คางได้
ข้อเสียของการฉีดคาง
- ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร หากผ่านไป 12-18 เดือน ฟิลเลอร์จะสลายตัว ต้องทำการฉีดซ้ำ ซึ่งการฉีดใหม่อาจจะได้รูปทรงที่ต่างจากเดิมได้
- หากใช้ฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้
- หากฉีดฟิลเลอร์กับผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ ฉีดที่เนื้อคางชั้นตื้นเกินไป แม้จะใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้เนื้อคางย้อยผิดรูปได้ แต่ถ้าฉีดฟิลเลอร์คางกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยเทคนิคที่ถูกต้องจะไม่พบปัญหานี้ ซึ่งเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ควรฉีดลงในชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูก และที่สำคัญฟิลเลอร์เป็นเนื้อเจล การเสริมคางด้วยวิธีนี้จึงไม่สามารถทำให้คางยาวขึ้นได้มากเกิน 1 เซนติเมตร
เสริมคาง คืออะไร?
เสริมคางด้วยการผ่าตัดเพื่อปรับรูปทรงคางใหม่ให้เหมาะกับสัดส่วนใบหน้า วิธีนี้เป็นการเสริมคางด้วยการใส่ซิลิโคนไว้ในชั้นเยื่อหุ้มกระดูกเพื่อป้องกันซิลิโคนเคลื่อนที่ หากเสริมด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่ทับ mental foramen ที่เป็นรูทางออกของเส้นประสาท ซึ่งอาจทำให้ปากเบี้ยวได้ จึงต้องทำการผ่าตัดเสริมคางโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น การผ่าตัดเสริมคางสามารถเพิ่มขนาดความยาวของคางได้มากกว่าการเติมฟิลเลอร์ แต่หลังการผ่าตัดจำเป็นต้องดูแลแผลให้สะอาด และใช้เวลาในการพักฟื้นที่นานกว่า
ซึ่งการผ่าตัดเสริมคางก็มี 2 แบบที่นิยมทำกัน ได้แก่ แบบแผลใน คือ กรีดแผลบริเวณเหงือก จะบวมนานและต้องดูแลแผลในช่องปากมากเป็นพิเศษ ส่วนการผ่าตัดแบบแผลนอก คือ กรีดแผลนอกช่องปาก โดยจะเป็นการกรีดตรงใต้คาง 1.5-2 เซนติเมตร บางคนอาจมีคำถามว่า การเสริมแบบแผลใน หรือเสริมคางแผลนอก กี่วันหาย คำตอบคือ การเสริมคางแผลนอกจะหายเร็วกว่า ระยะการหายของแผลภายนอกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3-7 วัน และคางจะเข้าที่ประมาณ 3 เดือน
ส่วนการเสริมคางภายในจะมีโอกาสเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อได้ง่ายกว่า ระยะการหายของแผลภายในจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1-2 สัปดาห์ และเข้าที่ประมาณ 3 เดือน แต่ข้อดีคือจะไม่เห็นรอยแผลเป็น และไม่เสี่ยงต่อการเกิดแผลคีลอยด์ใต้คางซึ่งต่างจากการเสริมคางด้วยแผลนอกที่อาจพบอาการเหล่านี้ได้
ข้อดีของการเสริมคาง
- ผลลัพธ์อยู่ได้ถาวรกว่าการทำฟิลเลอร์คาง
- ซิลิโคนมีให้เลือกหลากหลายทรง สามารถปรับแต่งรูปคางได้ตามต้องการ
- สามารถเพิ่มขนาดความยาวของคางได้มากกว่า 1 เซนติเมตร ซึ่งต่างจากการปรับรูปคางด้วยฟิลเลอร์ซึ่งไม่สามารถเพิ่มความยาวของคางได้เกิน 1 เซนติเมตร
- ไม่เสี่ยงต่อคางที่อาจเปลี่ยนแปลงรูปทรงได้ เช่น การฉีดฟิลเลอร์คาง หากทำโดยแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ อาจเกิดการย้อยมารวมกันของฟิลเลอร์ ทำให้รูปคางไม่ได้สัดส่วนได้
ข้อเสียของการเสริมคาง
- มีวิธีการดูแลหลังผ่าตัดที่ซับซ้อนและอาจกระทบต่อการใช้ชีวิตได้มากกว่าการทำฟิลเลอร์คาง เช่น ต้องหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่แข็ง และรสจัด เพราะทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่จากแรงบดเคี้ยว รวมทั้งแผลอาจอักเสบขึ้นได้
- ต้องดูแลแผลหลังผ่าตัดให้สะอาด และใช้เวลาในการพักฟื้นนานกว่า
- แม้จะมีซิลิโคนหลากหลายรูปทรงให้เลือก แต่หากทำคางด้วยวิธีนี้ไปแล้ว จะปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ยาก อาจต้องแก้ด้วยการผ่าตัดเผื่อเปลี่ยนรูปทรงใหม่ ดังนั้นเราควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญ เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและได้ทรงสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ
สรุปแล้วฉีดคางกับเสริมคางอันไหนดีกว่ากัน
ฉีดคางกับเสริมคางอันไหนดีกว่า? คำตอบคือไม่ว่าจะเป็นวิธีฉีดฟิลเลอร์คาง หรือเสริมคางด้วยซิลิโคนต่างช่วยปรับรูปทรงคาง ให้ใบหน้าได้สัดส่วนแบบ Golden Ratio ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจได้ ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้ต่างมีข้อดี-ข้อเสียต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละเคส ว่ามีจุดประสงค์ในการปรับแต่งรูปทรงคางอย่างไร เช่น บางคนกลัวการผ่าตัด ฟิลเลอร์ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า ส่วนบางคนอยากปรับแต่งรูปทรงคางให้ยาวเกิน 1 เซนติเมตรจากเดิม ก็จะเหมาะกับการผ่าตัดมากกว่า
การทำศัลยกรรมทุกประเภทรวมถึงการเสริมคาง คุณควรตัดสินใจปรึกษาและรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานเชื่อถือได้ และเลือกสรรวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการของเรา เพื่อความสวยงามที่ยาวนานและปลอดภัย
หากใครกำลังมองหาคลินิกเสริมคางดี ๆ ที่ได้มาตรฐานอยู่ล่ะก็ ขอแนะนำ เสริมคาง หมอบูม ที่ RB Clinic มีความเชี่ยวชาญในด้านการเสริมคาง ใส่ใจรายละเอียดคนไข้ คนไข้สามารถออกแบบรูปทรงคางที่ต้องการร่วมกับแพทย์ได้ RB Clinic ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ติดต่อสอบถามได้ที่ Line ID: @rbclinic หรือ 063-912-2190